Friday, 30 September 2011
Kindle Fire โผล่! ความเปลี่ยนแปลงของตลาดแท็บเล็ต
กลายเป็น “ทอล์ค ออฟ เดอะ ทาวน์” เรียกว่าไม่พูดถึงเรื่องนี้คงจะเอ้าท์แบบสุดๆ นั่นก็คือการเปิดตัว "แท็บเล็ต Kindle Fire ด้วยราคาเพียง 199 ดอลลาร์" ราวๆ 6199.98 บาทของไทยเรา
โพสนี้ผมจะมาเขียนว่าหลังการเปิดตัว Kindle Fire ไปมีอะไรเกิดขึ้นที่น่าสนใจบ้าง แล้วตัว Kindle Fire เองมีอะไรที่เด่นๆบ้าง ส่วนรายละเอียดเรื่องนี้คงต้องไปอ่านจากกระทู้คุณอังแล้วล่ะครับ
เข้าเรื่อง "Kindle" ชื่อนี้คนไทยไม่ค่อยคุ้น ส่วนใหญ่จะเป็นฝรั่งใช้กันมากกว่า มือบางคนบอกว่า "คนถือ Kindle น่ะดูดีกว่าคนถือ iPad 2 อีก"
Kindle นั้นจริงๆ เป็นอุปกรณ์สำหรับอ่าน E-Book ครับ ข้อดีคือ Battery ทนทานมากใช้งานอ่าน E-book ได้เป็นสัปดาห์และยังถนอมสายตาเป็นพิเศษ
การเปิดตัวของ Kindle Fire เล่นเอาตลาดแท็บเล็ตปั่นป่วนไปพอสมควรเพราะราคามันถูกกว่าชาวบ้านเค้า อาทิเช่น ร้านหนังสือดังอย่าง Barnes and Noble ผู้จำหน่ายแท็บเล็ต "Nook Color"
ได้ส่งอีเมลถึงลูกค้าว่า Nook Color รุ่นปัจจุบันได้ปรับลดราคาลงมา 25 ดอลลาร์ ทำให้จากเดิมราคา 249 ดอลลาร์ ลดมาเหลือ 224 ดอลลาร์ พร้อมส่งฟรีอีกด้วย
นอกจากนี้ทางด้าน BlackBerry PlayBook ก็ถึงเวลาลดราคาลงมาเหลือ 299 ดอลลาร์ในรุ่น 16GB ลดลงไปถึง 40% พูดง่าย PlayBook ประกาศลดราคา 200 ดอลลาร์ทุกรุ่นนั่นเอง ไม่ว่าจะเป็น 32 หรือ 64 GB ก็ตาม
ก็ถือว่าคนใช้ BlackBerry อาจจะยังคงเปลี่ยนใจกลับมาใช้ PlayBook กัน ส่วนนึงก็อาจเป็นเพราะมีกล้องและสามารถทำงานร่วมกับ BlackBerry ได้
ในอนาคตอันใกล้นี้เราคงได้เห็นผู้ผลิตแท็บเล็ตตามหั่นราคาลงกันเป็นแถวๆ
ถ้าให้ผมมอง Kindle Fire ในความเห็นของผมแล้งผมว่าด้วยราคาที่ไม่สูงมาก น่าจะทำตลาดแบบหลอกให้คนซื้อตามได้ไม่น้อยเลยทีเดียว
ถ้า Kindle Fire เข้ามาขายในไทยผมก็เชื่อวันมันจะขายดีอย่างแน่นอน เพราะมันก็ตรงกับนโยบายรัฐบาลนายกฯ ยิ่งลักษณ์ ที่จำทำแท็บเล็ตเพื่อการศึกษา เรียกว่ากระแสนิยมและความทันสมัยของสื่อการเรียนรู้ที่สะดวกสบาย น่าจะครองใจคนไทยได้ไม่ยากนัก
Friday, 17 June 2011
Steve Jobs ทำให้เกิดวัฒนธรรม Docking ขึ้นในเครื่องเล่นเพลง
Docking คือ เป็นแท่นวางชาร์จ และเพิ่มความสะดวกในการถ่ายโอนข้อมูล เหมือน Dock ชาร์จโทรศัพท์รุ่นเก่าๆ ที่โทรศัพท์มือถือเสียบกับแท่นชาร์จได้
แต่ของ Apple จะมีรูเสียบหูฟังให้ต่อไปใช้กับเครื่องเสียงหรือลำโพงคอมได้ด้วย และมีพอร์ตเชื่อมต่อสายซิงค์ข้อมูล และ ภาพไปออก TV ได้
หน้าตา Dock ipod ของ apple ที่วางขายใน Apple store ผู้ใช้ต้องเอาลำโพงคอมหรือชุดเครื่องเสียงมาเชื่อมต่อฟังเสียงได้
วัฒนธรรมการฟังเพลงเปลี่ยนไป
จากที่เคยฟังเพลงจากแหล่งเก็บข้อมูลแบบ ม้วนเทป แผ่นCD จนปัจจุบันฟังเพลงไฟล์ mp3 ที่เก็บอยู่บนสื่อบันทึกข้อมูล
ในฮาร์ดดิส แฟลชไดฟ์ และipod เนื่องจาก ipod นั้นเป็นสื่อเก็บข้อมูลเพลงที่ดี ถ้าเลือกใช้ iPod classic
ก็จะมีพื้นที่ให้เก็บเพลงถึง 160GB ซึ่งถือว่ามากกว่าเครื่องเล่นเพลงใดๆ ในท้องตลาดตอนนี้ ที่นับวันเครื่องเล่นแบบฮาร์ดดิสก์
ค่อยๆ หมดไป พอเราเก็บเพลงไว้ในipod เวลาฟังแบบพกพาก็สามารถนำไปฟังได้สะดวก กลับมาบ้านก็เสียบ ipod เครื่องโปรด
ลงบน docking ก็สามารถฟังต่อออกชุดลำโพงได้ทันที แถมมีรีโมทไว้ให้เลือกเพลงฟังได้อีกด้วย หมดปัญหากับการเปลี่ยนแผ่น
นอกจากนี้ด้วยระบบการจัดการเพลงที่ดีของ ipod ทำให้ท่านสามารถที่จะค้นหาเพลง จัดเรียงเพลงโปรดได้สะดวกสบายมากยิ่งขึ้น
ดังนั้นจึงเกิดการเปลี่ยนแปลงในเครื่องเสียงสเตอริโอกันครั้งใหญ่ โดยมีผู้ผลิตเครื่องเสียงหลายบริษัทผลิตเครื่องเสียงที่มี Dock ipod
ออกมาเพื่อเชื่อมต่อฟังเพลงจาก ipod กันมากขึ้น
ส่วน ทางด้านผู้ใช้ก็สะดวกสบายเนื่องจาก การเสียบชาร์จนั้นก็ง่ายๆ เพียงต่อเสียบเครื่องไปที่ Dock ของเครื่องเสียงเท่านั้นก็สามารถชาร์จ ipod
ได้ทันที และเปิดเพลงฟังไปด้วยได้เลย แต่ถ้าทำการชาร์จไฟปกติ ก็ต้องไปหยิบอะแดปเตอร์เสียบไฟ และเอาสาย USB เสียบต่อแล้ววาง
ipod/iphone ไว้กับพื้นหมดความสวยงาม ความสง่างามกันไป
ลองค้นหาภาพ dock ipod ดูสิครับว่ามันมีผลิตเยอะแค่ไหน แต่ละแบบก็ล้วนอลังการ แปลกตา น่าใช้ กันทั้งนั้น
ส่วนราคามีตั้งแต่ถู๊กถูก ไม่กี่ร้อยบาท
ของจีนหลากหลายสีสัน ส่วนเรื่องการรับประกันไม่แน่ใจ อิอิ
ถ้าของ JBL ตัวเล็กเสียงดีก็สี่ห้าพัน และเน้นพกพาสะดวก
สุดท้ายก็ไม่ยุให้ไปซื้อหามาหรอกครับ แต่เอามาคุยกันถึงเทคโนโลยีที่เปลี่ยนไปกันดีกว่าครับ
ส่วนผมแอบไปหาซื้อมาใช้บ้างแล้วแหละครับ แหะ แหะ (แต่เป็น Dock ไว้วางเสียบชาร์จอย่างเดียวเท่านั้นนะครับ)
เนื้อเรื่องจากท่านมูแห่งห้อง Gadget www.thaievo.com
แต่ของ Apple จะมีรูเสียบหูฟังให้ต่อไปใช้กับเครื่องเสียงหรือลำโพงคอมได้ด้วย และมีพอร์ตเชื่อมต่อสายซิงค์ข้อมูล และ ภาพไปออก TV ได้
หน้าตา Dock ipod ของ apple ที่วางขายใน Apple store ผู้ใช้ต้องเอาลำโพงคอมหรือชุดเครื่องเสียงมาเชื่อมต่อฟังเสียงได้
วัฒนธรรมการฟังเพลงเปลี่ยนไป
จากที่เคยฟังเพลงจากแหล่งเก็บข้อมูลแบบ ม้วนเทป แผ่นCD จนปัจจุบันฟังเพลงไฟล์ mp3 ที่เก็บอยู่บนสื่อบันทึกข้อมูล
ในฮาร์ดดิส แฟลชไดฟ์ และipod เนื่องจาก ipod นั้นเป็นสื่อเก็บข้อมูลเพลงที่ดี ถ้าเลือกใช้ iPod classic
ก็จะมีพื้นที่ให้เก็บเพลงถึง 160GB ซึ่งถือว่ามากกว่าเครื่องเล่นเพลงใดๆ ในท้องตลาดตอนนี้ ที่นับวันเครื่องเล่นแบบฮาร์ดดิสก์
ค่อยๆ หมดไป พอเราเก็บเพลงไว้ในipod เวลาฟังแบบพกพาก็สามารถนำไปฟังได้สะดวก กลับมาบ้านก็เสียบ ipod เครื่องโปรด
ลงบน docking ก็สามารถฟังต่อออกชุดลำโพงได้ทันที แถมมีรีโมทไว้ให้เลือกเพลงฟังได้อีกด้วย หมดปัญหากับการเปลี่ยนแผ่น
นอกจากนี้ด้วยระบบการจัดการเพลงที่ดีของ ipod ทำให้ท่านสามารถที่จะค้นหาเพลง จัดเรียงเพลงโปรดได้สะดวกสบายมากยิ่งขึ้น
ดังนั้นจึงเกิดการเปลี่ยนแปลงในเครื่องเสียงสเตอริโอกันครั้งใหญ่ โดยมีผู้ผลิตเครื่องเสียงหลายบริษัทผลิตเครื่องเสียงที่มี Dock ipod
ออกมาเพื่อเชื่อมต่อฟังเพลงจาก ipod กันมากขึ้น
ส่วน ทางด้านผู้ใช้ก็สะดวกสบายเนื่องจาก การเสียบชาร์จนั้นก็ง่ายๆ เพียงต่อเสียบเครื่องไปที่ Dock ของเครื่องเสียงเท่านั้นก็สามารถชาร์จ ipod
ได้ทันที และเปิดเพลงฟังไปด้วยได้เลย แต่ถ้าทำการชาร์จไฟปกติ ก็ต้องไปหยิบอะแดปเตอร์เสียบไฟ และเอาสาย USB เสียบต่อแล้ววาง
ipod/iphone ไว้กับพื้นหมดความสวยงาม ความสง่างามกันไป
ลองค้นหาภาพ dock ipod ดูสิครับว่ามันมีผลิตเยอะแค่ไหน แต่ละแบบก็ล้วนอลังการ แปลกตา น่าใช้ กันทั้งนั้น
ส่วนราคามีตั้งแต่ถู๊กถูก ไม่กี่ร้อยบาท
ของจีนหลากหลายสีสัน ส่วนเรื่องการรับประกันไม่แน่ใจ อิอิ
ถ้าของ JBL ตัวเล็กเสียงดีก็สี่ห้าพัน และเน้นพกพาสะดวก
สุดท้ายก็ไม่ยุให้ไปซื้อหามาหรอกครับ แต่เอามาคุยกันถึงเทคโนโลยีที่เปลี่ยนไปกันดีกว่าครับ
ส่วนผมแอบไปหาซื้อมาใช้บ้างแล้วแหละครับ แหะ แหะ (แต่เป็น Dock ไว้วางเสียบชาร์จอย่างเดียวเท่านั้นนะครับ)
เนื้อเรื่องจากท่านมูแห่งห้อง Gadget www.thaievo.com
Wednesday, 9 March 2011
แมวเพชร กวน มึน ฮา
ในฐานะที่เป็นคอฟุตบอลคนนึง ก็เป็นเรื่องธรรมดาที่ต้องแวะเวียนเข้าเว็บบอร์ดฟุตบอลต่างๆเพื่ออัพเดทข้อมูลเกี่ยวกับฟุตบอล โดยเฉพาะเว็บอาร์เซน่อลนี่ขาดไม่ได้ต้องเข้าไปอัพเดทข่าวคราว เข้าไปตั้งกระทู้ แสดงความเห็นกันไปต่างๆนาๆ นอกจากเว็บอาร์เซน่อลแล้วผมก็ติดตามเว็บ Soccer อื่นๆอีกหลายๆเว็บ เพื่อดูความคิดเห็นในมุมอื่นๆจากแฟนบอลทีมอื่นๆ (บางทีก็เข้าไปสร้างความร้าวฉานให้คนอื่น คืองานของเรา) ล้อเล่นครับ!!
เข้าไปเจอเว็บบอร์ดอยู่เว็บนึง เขาเอาคลิปรายการ บ.บู๋คุยกับประชาชนมาออกทุกอาทิตย์ ผมก็ไล่สืบไปสืบมาเลยรู้ว่ามันเป็นรายการโดย Siamsport นี่เอง ก็จะเป็น บ.บู๋คุยกันแบบฮาๆ ส่วนตัวถึง บ.บู๋ จะเป็นแฟนทีม แมนฯยู คู่ปรับของอาร์เซน่อล ผมก็ชอบการ(โม้) มีสาระบ้าง ไร้สาระบ้าง ของเค้าเหมือนกัน ฮาดี ดูแล้วเหมือนคลายเครียดดีด้วย
วันนั้นที่เข้าไปชมคลิปรายการนั้นครั้งแรก ก็ได้มีการเชิญ แมวเพชร สุรพันธ์ ปวัฑฒนันท์ เข้ามานั่งโม้ด้วย คือผมเคยได้ยินแต่ชื่อและการฟันธงของเฮียแก แต่ไม่เคยเห็นหน้า ผมก็คิดว่าเฮียคนนี้ใครหว่าาา กวนตรีนนน ได้ใจจริง และอย่างฮา ทำหน้าตาได้กวนสุดๆ โดยเฉพาะคลิปแรกที่ บ.บู๋ถามว่าวันนั้นคุณไปดูเกมส์ที่มีการยกพลรุมกระทืบกันด้วย แกนี่พูด ทำถ้าทำทางได้..... ไม่อยากใช้คำหยายเยอะ เอาเป็นว่าเป็นที่รู้กันแล้วกัน
หลังจากนั้นกลายเป็นว่าผมติดตามรายการนี้ทุกอาทิตย์ไปเลย เพราะเฮียแมวเพชรกับ บ.บู๋นี่แหล่ะ กวน มึน ฮาได้ใจจริง และมีหลายๆคนรีวิวการคอมเม้นท์ การพากษ์บอลของเฮียแกฮามาก ต้องขอเป็นแฟนคลับแมวเพชรซะหน่อยแล้ว
ผมขอหยิบช่วงที่ 1 ของแต่ละอาทิตย์มาให้ลองชมกันดูครับ
26/02/2011
19/02/2011
05/03/2011
05/03/2011
ปล. ผมว่าเป็นรายการที่ไม่ค่อยมีสาระสักเท่าไหร่ แต่เน้นวาไรตี้กวน ฮาๆ อยากให้ลองเข้าไปดูกัน รับรองว่าเจอเฮียแกเข้าไป ต้องติดใจแน่นอน
Thursday, 10 February 2011
ทำไมต้อง Sunny (ซันนี่) แห่ง Girls’ Generation
ส่วนน้อยมากที่ไม่รู้จัก!! ก็เมื่อเวลาคุณถามกับใครว่า รู้จักวง SNSD หรือ Girls’ Generation สิ่งที่คุณจะได้ยินตอบกลับคือ "รู้จัก" ส่วนจะรู้ลึก รู้จริงแค่ไหนก็อีกเรื่องนึง
ได้มีโอกาศติดตามผลงานของวงนี้มาเรื่อยๆไม่ได้บ้าคลั่งอะไรมาก และก็ได้ลองอ่านประวัติและผลงานของเธอแต่ละคน โดยการ ดู MV ดูการออกรายการ อะไรไปเรื่อย..
สมาชิกของ Girls’ Generation หรือที่ผมชอบเรียกว่า SNSD เนี่ย มีตั้ง 9 คน บางครั้งผมก็เลือกไม่ถูกว่าจะหยิบใครมาเป็นขวัญใจสักคน เพราะแต่ละคนก็มีความน่ารักต่างๆ กันไป
และ 1ใน 9 คนนั้น ที่ความเปิ่น+ฮา และแฝงความน่ารัก และเป็นคนที่บางมุมก็ดูสวย บางมุมจะดูน่ารัก ผมบางทรงและการแต่งหน้าบางที ก็อาจจะทำให้ดูเฉยๆ แปลกดี ๆ (สงสัยตรูจะชอบของแปลก!! __ _")
เธอคือ… Sunny ครับ มาดูข้อมูลส่วนตัวของเธอกันดีกว่า
Sunny / ซันนี่ / 써니
ชื่อจริง : Lee Sonkyu, ลี ซุนกยู, 이순규
เกิดเมื่อ : 15 พฤษภาคม 1989
ส่วนสูง : 158 เซนติเมตร
น้ำหนัก : 43 กิโลกรัม
กรุ๊ปเลือก : B
ตำแหน่ง : นักร้องนำ, ดีเจ
โรงเรียน: Baehwa Girl’s High School
มาดูผลงานของซันนี่กันบ้างครับ
- นางเอกมิวสิควิดีโอ เพลง “Cooking? Cooking!” ของ Super Junior
- (2008) ร้องเพลงประกอบละคร “Working Mom” ในเพลง “You don’t know about love”
- ร้องเพลงประกอบละคร “Story of Wine” ในเพลง “Finally Now”
- ร่วมร้องเพลง “”S.E.O.U.L.” กับเพื่อนๆ SNSD และ Super Junior
- (2010) ร้องเพลงประกอบ “Oh! My Lady” ในเพลง “그대 인형 (My Doll)”
เท่าที่ดูเธอเป็นสมาชิกของ SNSD ที่มักจะได้ร้องเพลงช้าๆ เศร้าๆ ของซีรี่ส์ต่างๆ เสียจริง
Sunny หรือ Lee Sun-gyu คนนี้ เกิดที่สหรัฐอเมริกา ก่อนที่จะย้ายมาอยู่คูเวต ก่อนจะเกิดสงครามอ่าวฯ เธอก็รีบย้ายถิ่นฐานสู่เกาหลีใต้จนถึงปัจจุบัน พอในปี 1988 เธอก็ได้เข้าเทรนใน Starlight (หนึ่งใน SM Academy) นาน 5 ปี ก่อนที่จะได้ย้ายเข้าไปอยู่ใน Starworld ที่ซึ่งเธอได้เป็นหนึ่งในศิลปินดูเอ็ตนาม “Sugar”
เธอเป็นหลานของ “ลี ซูมาน” ผู้ก่อตั้ง SM Entertainment ขณะที่พ่อของเธอเป็นผู้จัดการวง “Sugar” ส่วนพี่สาวก็เป็นผู้จัดการของ “Ayumi Lee” ผู้ซึ่งแนะนำให้เธอเข้าสังกัด SM Entertainment ในปี 2007
เธอใช้ระยะเวลาในการฝึกภายใต้สังกัด SM Entertainment เพียง 9 เดือน แต่เธอได้รับการฝึกหัดภายใต้การควบคุมของเทรนเนอร์คนเดียวกับ Ayumi Lee ในโปรแกรมฝึกแบบศิลปินอาชีพ ที่แตกต่างจากการฝึกแบบ trainee ทั่วไป Sunny เคยเป็นดีเจของ Chunji Radio โดยจัดรายการคู่กับซองมินแห่งวงซูเปอร์จูเนียร์ด้วยน่ะ
ปล. เธอชื่อ Sunny = ร่าเริง สมชื่อจริงๆ
Monday, 17 January 2011
สามก๊ก ฉบับยาดีน
หายหน้าหายตากันไปหลายอาทิตย์ อากาศบ้านเราก็เริ่มเย็นลงเล่นเอาไม่อยากตื่นเช้ามาทำงานกันเลยทีเดียว ยังคงนอนอบอุ่นอยู่ในผ้าห่มซึ่งแสนจะสบาย แต่ชีวิตคนเราก็ยังต้องก้าวไปข้างหน้า ต้องออกไปเผชิญกับโลกที่แสนจะมีการแข่งขันที่สูงขึ้นทุกวัน
ชิวิตทุกวันยังคงวนเวียนไปกับเรื่องเดิมๆ คือการทำงาน + เดินทาง + และนั่งอ่านหนังสือ(สามก๊ก) การอ่านหนังสือโดยเฉพาะเรื่อง 3 ก๊ก นั้นอ่านได้เรื่อยๆ เพราะว่าหนังสือสามก๊กนั้นมีผู้เขียนแต่งขึ้นมาหลายคนอยู่เหมือนกัน ก็คิดอยู่เหมือนกันว่าจะอ่านทุกผู้แต่งไปเลย (จริงๆแล้วมันก็มากเกินไป!) ที่อ่านแบบจริงๆจังๆก็คงจะเป็นฉบับแปลใหม่ โดย วรรณไว พัธโนทัย ฉบับภาษาไทยที่สมบูรณ์ที่สุด แปลจากต้นฉบับภาษาจีนของหลอกว้านจง เป็นสุดยอดวรรณกรรมร่วมสมัยถ่ายทอดยาวนานกว่า 1,700 ปี
และที่ตั้งชื่อโพสนี้ว่า สามก๊ก ฉบับยาดีนนั้น ก็มีการเปลี่ยนแปลงมาจาก สามก๊กฉบับยาขอบ แต่ผมอยากจะเขียนในแบบฉบับและความรู้สึกจากตัวผมเองนำมาเขียนเป็นโพสน้อยๆ ใน Deankhun's Blog
ถ้าพูดถึงเรื่องราวสามก๊กที่นำมาทำเป็นภาพยนต์ที่หลายๆคนคงมีโอกาสได้ชมกันก็คงจะเป็นเรื่อง Red Cliff ของคุณจอห์นวู แกด้วย หรือ สามก๊ก ตอนโจโฉแตกทัพเรือ ซึ่งเป็นศึกครั้งสำคัญก่อนแบ่งแยกดินแดนเป็น "สามก๊ก" นั่นเอง
ก่อนที่จะได้ดูภาพยนต์เรื่องนี้คิดอยู่ในใจว่าใครจะรับบทเป็นขงเบ้ง มังกรแห่งกลศึกตัวฉกาจ เรามาดูกันอีกครั้งว่าตัวสำคัญๆในเรื่องใครแสดงเป็นใคร
จิวยี่ (Zhou Yu)ผู้ถ่มน้ำลายรดฟ้า แสดงโดย เหลียง เฉา เหว่ย (Tony Leung Chiu Wai) ตามมาด้วยซุนกวน (Sun Quan)ผู้ปกครองแดนใต้ เจ้านายของจิวยี่ แสดงโดย จางเจิ้น(Chang Chen)
เสี่ยวเกียว ภรรยาของจิวยี่ (Xiao Qiao)แสดงโดย หลินจื้อหลิง (Lin Chi-ling)เพราะเป็นสาวงาม เลยทำให้ขงเบ้งได้ทีนำมาเป็นจุดอ่อน ยุให้จิวยี่บุกตีโจโฉก่อนจะโดนบุกยึดเมียโฉมสคราญ ส่วนรูปข้าง ๆ เธอคือโจโฉ (Cao Cao) แสดงโดย จาง ฟาง อี้ (Zhang Fengyi )
และก็มาถึงสุดหล่อขวัญใจของผม
เค้าคือ ขงเบ้ง (Zhuge Liang)แสดงโดย ทาเคชิ คาเนชิโร (Takeshi Kaneshiro)
ซึ่งก็ให้คุณ ๆ วิเคราะห์กันดูว่าเหมาะสมกับเป็นมังกรหลับ (ถ้าเป็นสำนวนแบบไทย ๆ ก็คงประมาณ ช้างเผือกซ่อนตัวอยู่ในป่า)หรือไม่
ซึ่งภาพนี้เป็นตอนจิวยี่หาทางกำจัดขงเบ้งโดยให้ทำธนูแสนดอกภายใน 10 วัน มั่นใจอย่างยิ่งว่าไม่มีทางเป็นไปได้
ทว่าขงเบ้งประกาศกร้าว "3 วันก็พอแล้ว"
และนี่ก็เป็นเคล็ดลับว่าแกไปหาธนูมาจากไหนเป็นแสน ภายในเวลาไม่กี่วัน ...เจ้าเล่ห์โคตร ๆ
- เนื้อเรื่องส่วนใหญ่จะไม่ค่อยให้ความสำคัญกับเล่าปี สักเท่าไหร่ เพราะตอนนี้คนที่ดูเหมือนจะเป็นพระเอกก็คงจะเป็นจิวยี นักรบแห่งกังตั๋ง เพราะเขาต้องตั้งรับกับศึกที่มีกองทัพมหาศาลของโจโฉ
- ขงเบ้ง ดูเหมาะสมดี รวมถึงโจโฉด้วย ดูดุดันดี
- เล่าปีดูแก่ซ่อมซ่อจริงๆ
- เมียจิวยี่สวยค๊อดๆ
- ชอบตอนปรับขบวนทัพเป็นรูปหลังเต่า
ภาพยนต์ก็จบลงด้วยความพ่ายแพ้ยับเยินของโจโฉ ประทับใจมากๆอยากให้สร้างตอนที่ขงเบ้งรบกับสุมาอี้ 2 คนนี้เปรียบได้เหมือนเพชรตัดเพชรเลยทีเดียว ตอนนี้ก็ได้เริ่มอ่านหนังสือสามก๊ก ชื่อหนังสือว่า กวนอูโคตรซื่อที่เหนือโกง และ ขงเบ้งโคตรโกงที่เหนือซื่อ เพียงแค่ชื่อเรื่องผมมีความรู้สึกว่ามันส์มากๆ เพราะเขาใส่อารมณ์คนเขียนเข้าไปด้วย เพื่อนๆลองหาอ่านดูแล้วกัน เรื่องราวพวกนี้ได้สอนให้เราได้แง่คิดอะไรดีๆหลายอย่างเลย
Sunday, 2 January 2011
ตามหาพญาเสือโคร่ง
Happy New Year 2011 ทุกๆคนนนนนน อิอิ ห่างหายไปนานแสนนานจากบล็อคน้อยๆแห่งนี้ กลับมาคราวนี้เลยพาไปเที่ยวไกลหน่อย ออกเดินทางกัน……….
ชื่อทริป...ตามหาพญาเสือโคร่ง
พิกัด...ขุนช่างเคี่ยน,ขุนแม่ยะ,ห้วยน้ำดัง
ความเป็นมาเนื่องจาก อยากเห็นดอกซากุระ จะไปดูถึงญี่ปุ่นก็คงจะต้องกินแกลบ เลยขอแค่ซากุระเมืองไทยนี่แหละฟร่ะ มีพี่ชวนไปก็เลยไปกะเขาซะเลย แต่ว่า...ดั่งนรกชังหรือสวรรค์แกล้งงงงง...น้องโคร่งยังไม่บานให้ได้เชยชมซักเท่าไหร่ แต่ก็ยังพอมีให้เห็นตัวจริงเสียงจริงบ้าง ไปดูกันเลยดีกว่า...
ออกเดินทาง 3 ทุ่มครึ่งของวันที่ 24 ...ถึงขุนช่างเคี่ยนประมาณ 7 โมง เซย์ ไฮ กับน้องโคร่งพอเป็นพิธี
และนี่คือสิ่งที่ตามหา...
ต้นเต็มๆ...
อันนี้ดอกไรไม่รู้ถ่ายเฉยๆ
จากนั้นขึ้นขุนแม่ยะ พักค้างคืน 1 คืนที่นี่ อากาศหนาวมาก น้ำเย็นเจี๊ยบบบบบบบ
ทางไปต้องไปรถกระบะของคนพื้นที่อ่ะน่ะ เพราะทางขึ้นก็โหดพอสมควรทีเดียว เล่นเอาหัวสั่นหัวคลอนกันตลอดทาง
ชื่อทริป...ตามหาพญาเสือโคร่ง
พิกัด...ขุนช่างเคี่ยน,ขุนแม่ยะ,ห้วยน้ำดัง
ความเป็นมาเนื่องจาก อยากเห็นดอกซากุระ จะไปดูถึงญี่ปุ่นก็คงจะต้องกินแกลบ เลยขอแค่ซากุระเมืองไทยนี่แหละฟร่ะ มีพี่ชวนไปก็เลยไปกะเขาซะเลย แต่ว่า...ดั่งนรกชังหรือสวรรค์แกล้งงงงง...น้องโคร่งยังไม่บานให้ได้เชยชมซักเท่าไหร่ แต่ก็ยังพอมีให้เห็นตัวจริงเสียงจริงบ้าง ไปดูกันเลยดีกว่า...
ออกเดินทาง 3 ทุ่มครึ่งของวันที่ 24 ...ถึงขุนช่างเคี่ยนประมาณ 7 โมง เซย์ ไฮ กับน้องโคร่งพอเป็นพิธี
และนี่คือสิ่งที่ตามหา...
ต้นเต็มๆ...
อันนี้ดอกไรไม่รู้ถ่ายเฉยๆ
จากนั้นขึ้นขุนแม่ยะ พักค้างคืน 1 คืนที่นี่ อากาศหนาวมาก น้ำเย็นเจี๊ยบบบบบบบ
ทางไปต้องไปรถกระบะของคนพื้นที่อ่ะน่ะ เพราะทางขึ้นก็โหดพอสมควรทีเดียว เล่นเอาหัวสั่นหัวคลอนกันตลอดทาง
Subscribe to:
Posts (Atom)