Saturday, 30 October 2010

Comparison: iPad vs Samsung Galaxy Tab ตัวต่อตัว!!

วันนี้ไปจับเอา Spec ของสุดยอด Tablet ทั้ง 2 ตัวมาเปรียบเทียบกันตัวต่อตัวดูสักตั้ง :)) *


Apple iPadSamsung Galaxy Tab
Screen Size9.7 inch LED IPS7 inch TFT LCD
Screen Resolution1024 by 7681024 by 600
Processor1 GHz Apple A41GHz Cortex A8
WeightWifi model 680g and 730g Wifi + 3G model380g
Dimension9.56 by 7.47 by 0.5 inches7.48 by 4.74 by 0.47 inches
OSCurrently iOS 3.2, iOS 4.2 coming later this yearAndroid 2.2, upgradable to Android 3.0 but no date mentioned
RAM256MB512MB
Internal Storage16GB, 32GB and 64GB16GB and 32GB
Expandable StorageNoneUp to 32GB
Multi touchYesYes
Multi taskingNo (will come with iOS 4.2)Yes
CameraNone3.2-MP rear camera and 1.3-MP front-facing camera
PhoneNoYes, with speaker or Bluetooth
TV outYesYes
Bluetooth2.1 + EDR3
Battery lifeUp to 10 hours with video playbackUp to 7 hours with video playback
GPSIn 3G modelYes
I/O30 pin-only30-pin only
Flash supportNo (ไม่มีทางมีได้)Yes
AppsApple App StoreAndroid Market + Samsung Apps
E-booksiBooksReaders Hub
PriceFrom $ 499Not announced

:: ข้อเปรียบเทียบที่น่าสนใจ ::

- Screen Winner: Apple iPad
- Speed Winner: Draw
- Apps Winner: Apple iPad
- เรื่องของ Camera Winner: Galaxy Tab
- Storage Winner: Draw
- Battery Winner: Apple iPad

- Media Support Winner: Galaxy Tab
- ส่วน Performance/usability Winner: Draw

ปล. อันนี้แล้วแต่ชอบใครชอบมัน แต่อยากได้ทั้ง 2 ตัวเลยวุ้ย!!
เข้าไปดูการเปรียบเทียบของเว็บต่างประเทศที่ digitaltrends.com

Wednesday, 27 October 2010

เพื่อนที่ชื่อว่าความเหงา

[ระบายอารมณ์]

เคยลองลับตาแล้วนึกถึงความเหงากันมั๊ย ในขณะที่ผู้คนรอบข้างมากมายแต่รู้สึกว่าตัวเอง เหงา อ้างว้าง โดดเดี๋ยว

รู้สึกว่่าช่วงนี้จะเจอบ่อย เวลาผ่าน...ไปสักพักก็หายเลยสงสัยว่าว่านี่ตรูเป็นไรฟ่ะ

                           มีเสียงหัวเราะ มีทั้งรอยยิ้มตั้งแยะและของขวัญ

                           มีฉัน มีเธอ มีเค้าทุกโมงยาม

                           มาล้อมชีวิตให้เคล้า ให้ครื้น ให้ครึก ให้โครมคราม

                           แต่ฉันยังถามตัวเองอยู่ทุกที


                           มันเหงา มันหงอยบ้างไหม มาใช้ชีวิตแค่ลำพัง

                           มาฟังตัวเองอย่างนี้

                           ที่ทั้งจะแสง จะสี และเสียงสะท้านด้วยดนตรี

                           แต่ฉันมันดูเดียวดาย


                           แต่มีอีกคนที่เป็นเพื่อนกัน

                           ทุกๆวันยังคอยเฝ้าตามฉันมา

                           เหงาเมื่อไหร่ก็ตรงมาหา ทักทายไม่มีเว้น

                           ได้พูด ได้คุย กอดคอเหมือนเดิม

                           เหมือนมาเติมตัวตนที่เราเคยเป็น

                           เพื่อนคนนี้ไม่มีใครเห็น เพราะเค้าคือ .. ความเงียบงัน

เพลงพี่โน๊ต เคยแต่งไว้ตอนเดี่ยว 1  เพื่อนที่ชื่อว่าความเหงา

Sunday, 24 October 2010

สิ่งเล็กๆที่เรียกว่า Bug!!


ดูดีๆน่ะสิ่งเล็กๆที่เรียกว่า Bug น่ะ(ไม่ใช่รัก) แต่หลายคนคงคุ้นเคยกับภาพยนต์สิ่งเล็กๆที่เรียกว่ารัก มีโอกาศได้ชมแล้วรู้สึกว่าเป็นหนังที่น่ารักและโดนใจมั๊กๆ เชื่อว่าหลายคนคงมีประสบการณ์ร่วมเหล่านี้มากันถ้วนหน้า
เชื่อแล้วว่า "รักไม่ต้องการเวลา" จริงๆ

"ได้ยินไหม หัวใจฉัน .. มันกำลังบอกรัก รักเธออยู่ ... " ไหนก็พูดถึงภาพยนต์นี้แล้วก็เอารูปลงสักหน่อย










[เข้าเรื่องสักทีเถอะ]
วันหยุดปิยมหาราชก็ไม่ได้ไปไหนเลยและวันหยุดกำลังจะหมดไปแล้วรู้สึกว่าตัวเองยังไม่ได้พักผ่อนเลย ช่วงใกล้สิ้นปีหลายคนที่ทำงานแล้วคงบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า งานยุ่งค๊อตๆ ผมก็เป็นคนนึงที่ต้องหน้าดำคร่ำเครียดอยู่กับการ Coding Program กันทั้งวันเพื่อให้ทันก่อนสิ้นปี เจอ Query ทีนึงเป็นหน้าสองหน้า

  • ไม่คิดไม่ฝันจะต้องมาทำชุด Query ยาวๆขนาดนี้มาก่อน
  • ตาลายมากๆ
  • เวลา compile ไม่ผ่านขึ้นมาทีน่ะ งานงอก!
  • เพราะต้องมานั่งไล่กันว่ามันเกิด Error ขึ้นตรงไหนฟ่ะ
  • นั่งไล่ไปๆมาๆก็มาเจอจุดอยู่แค่นิดนึงเท่านั้น
  • ทั้งที่รู้ดีแต่ก็พลาดจนได้กับจุดเล็กๆที่เกิดขึ้น
  • ทุกครั้งเวลา compile ก็จะหัวเสียนิดนึงเพราะต้องมานั่งไล่หามันว่าตรงไหนอีกเนี่ย!!

:: วิธีป้องกันที่ต้องจำไว้เลย ::
เวลาเขียนโปรแกรมต้องละเอียดรอบคอบ
ไม่มองข้ามจุดเล็กที่เราคิดว่ารู้แล้วไม่พลาดหร๊อก
ก่อนมาทำงานก็ต้องนั่งสมาธิสัก 5 นาทีก่อน
ถ้ามันเกิด Bug หรือ Error อีกจะออกไปล้างหน้าล้างตาก่อนเข้ามานั่งไล่หา

ขอทีเธอเถ๊อะคุณ Bug จ๋าาาาา อย่ามารังควานอีกเลย ถ้ามาขอเป็น รักแทนล่ะกัน 555++

Wednesday, 20 October 2010

How to prevent tags in Facebook

ตอนนี้ผมเชื่อเลยว่าหลายๆคนคงเสียอารมณ์เหมือนผมกันแน่ๆ ก็ไอ้เรื่อง Tag โฆษณาพวกลดความอ้วน mlm อะไรพวกนี้จะมีมาแม่งทุกวัน ตอนแรกก็เฉยๆเพราะไม่คิว่ามันจะบ่อยขนาดนี้

เมื่อมีการ tag แบบนี้ facebook จะแสดงไปยังแจ้งเตือนเรา และยังไปแสดงให้เพื่อนของเพื่อนเราเห็นอีก ประมาณกระจายกันไปเรื่อยๆ แม่จ้าววว !!



สิ่งเหล่านี้ผู้ใช้งาน Facebook ต้องระวังน่ะ โฆษณาบางอย่างอาจจะดี บางอย่างอาจจะไม่ดี เราต้องพิจารณาเองด้วย แต่ สว่นมากก็คือ "หลอกคุณไป ทำแบบที่เขาทำ นั่นแหละ เพื่อเงิน" และสิ่งสำคัญอีกอย่างคือการรับแอดเพื่อนต้องดูก่อนว่าเรารู้จักเขามั้ย ไม่ใช่รับมั่วไปหมด นอกจากตัวเราจะได้รับผลกระทบจากโฆษณาพวกนี้แล้ว เพื่อนๆในลิสเรายังต้องรำคาญด้วย วันนี้ผมเลยเอาวิธีป้องกันการ Tag ลักษณะนี้มาลงให้ดู( แฟนคลับหลายๆคน Request มาเยอะด้วย)

1.ก่อนอื่น็ทำการล็อกอินเข้า Facebook.com (ต้องบอกก่อนว่าผมล็อกอินเข้าใช้เป็นภาษาอังกฤษน่ะ)
2.เข้ามาแล้วดูเมนูทางขวาจะเมนูชื่อ Account ก็คลิกเลย แล้วต่อด้วยการเลือก Sub Menu ที่ชื่อ Privacy Settings ตามรูปที่ด้านล่าง


3.เลือก Customize Settings

Updates Per Day - AntiVirus 2010 Software

เข้าไปแอบดู(ความจริงก็ดูตรงๆเลยนี่แหล่ะ ,,)ผลการทดสอบประสิทธิภาพของ Antivirus Software ในเรื่องของ Database virus definition ว่าโปรแกรมป้องกันไวรัสตัวไหนมีการอัพเดทฐานข้อมูลของมัน(เพื่อให้โปรแกรมมันรู้จักกับไวรัสใหม่ๆตลอด) ลองพิจารณากราฟด้านล้างครับ


  • ชัดเจนมั๊กๆว่า Software ตัวไหนอัพเดทได้บ่อยที่สุด
  • มันคือ Norton Antivirus 2010 นั่นเอง
  • Software ที่ผมใช้อยู่คือ Kaspersky AntiVirus 2010
  • อยู่อันดับ 3 เลยวุ้ยยย แต่ก็ยังดี _ __"
  • แต่ตอนนี้ลองเปลี่ยนมาใช้ Kaspersky AntiVirus 2011 ดูบ้างแล้วๆ(Interface มันสวยขึ้น)
เอ่อลืมบอกไปในเว็บของต่างประเทศที่เขาทดสอบเขาบอกในหมายเหตุว่า The average number of daily updates were calculated over a 5 day period.
นั่นก็แสดงว่า "ค่าเฉลี่ยของจำนวนการอัปเดตรายวันจะถูกคำนวณเป็นเวลามากกว่า 5 วัน"

แล้วเขาบอกว่า The more updates per day, the better the antivirus program is considered to be.
ก็คงจะประมาณว่า...
ถ้าตัวไหนมีค่าเฉลี่ยการอัพเดทต่อวันสูงๆจะถือว่าเป็นโปรแกรมป้องกันไวรัสที่ดีกว่าตัวที่รองๆลงมา
อันนี้ในแง่ของการอัพเดทน่ะ ส่วนองค์ประกอบอื่นในการเลือกพิจารณาใช้ตัวไหนนั้นอันนี้ต้องตัดสินใจกันเอาเอง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของ เวลาที่ใช้แสกน,ความเร็ว,การตรวจจับ ก็เป็นองค์ประกอบในการเลือกใช้เหมือนกัน

ขอบคุณกราฟที่ใช้แสดงจาก antivirusware.com

Thursday, 14 October 2010

พาไปกิน @ จุดชมวิวทะเลกรุงเทพ

ชะแว๊บบบบ... ได้เวลาแฝงตัว เอิ่มม จิงๆแล้วกะจะมาทุกวันหวยออก แต่เจ้าของบล็อกใช้หน้าตาอันหล่อเหลา *_* ขู่บังคับให้ส่งต้นฉบับทุกอาทิตย์ งานนี้เลยกลิ้งไปกลิ้งมาคิดๆๆ จะเขียนอะไรดี ช่วงนี้ก็กินเจ เดี๋ยวนั่งดูรูปเยอะๆ เจแตกอีก สุดท้ายก็นึกไม่ออก อ่าว แล้ววันนี้ตูจะเขียนอะไร .........แต่ ไหนๆก็ไหนๆ เจ้าของบล็อกก็ทวงต้นฉบับยิกๆ งั้นมื้อนี้พาไปไกลหน่อยล่ะกัน (ไกลสำหรับชั้นนะย่ะ) ได้ไปเมื่อสองสามเดือนที่แล้วนี่เอง พร้อมแล้ว ไปกินกัน! >>> Let's Goooooooooo!!

Profile:
ชื่อร้าน:จุดชมวิวทะเลกรุงเทพ
พิกัด:บางขุนเทียน

เริ่มจากเดินทาง ข้ามน้ำ ข้ามทะเล


นั่งชมวิวกันซักหน่อย


และแล้ว จานแรกก็มาถึง ข้าวผัดหอยหลอดดดดดดดดด หอยมันกรุบกรับๆดีแท้


ตามมาด้วยกุ้งเผา ตัวไม่ใหญ่มากนัก แต่ความสดและเนื้อแน่นเปรี๊ยะๆ ก็แซ่บบบบกันไปตามระเบียบ


มาถึงจานต่อไป ปลากะพงทอดกระเทียม พลีชีพมาติดอวนเพื่อการนี้โดยเฉพาะ


จบด้วย ปูผัดผงกะหรี่ อย่างสวยงาม......อ่า


เปงไงๆ อยากแซ่บกันมั่งป่ะหล่ะ มื้อนี้ครบสูตร กุ้ง หอย ปู ปลา รสชาติอาจจะไม่ถึงขั้นอร่อยเหาะอะนะ แต่บรรยากาศนี่สุดยอดจิงๆพี่น้อง รอบที่แล้วพลาดไม่ได้เอาหมอนไป รอบหน้าถ้าได้ไปจะพกไปด้วย กินเสร็จก็นอนมันตรงนั้นเรย แนะนำให้นั่งโต๊ะริมๆนะ ได้บรรยากาศ ใครสนใจก็ลองเข้าไปชมตามลิงก์นี้ได้เลยน่ะ มีแผนที่พร้อม http://www.bangkokseaview.com/
สนนราคามื้อนี้ก็ ประมาณ 1200 กว่าบาท เอาบัตรลด 10% ไปด้วยอิอิ
เอาแระวันนี้พอแค่นี้ก่อน ไม่ไหวแล้วจะไปคุ้ยตู้เย็นดูซักหน่อยมีไรมาระงับอาการอยากได้มั่ง
ขอบคุณที่ติดตาม...กราบสวัสดี....... I’ll be back...... อิอิ แอบโปรโมท 2PM หว่ะกรั๊กๆๆๆๆ

:: Story & Written by Aem ::

Wednesday, 13 October 2010

Review : Yoono Social network For Desktop

[บทบ่นก่อนเข้าเรื่อง]
ตอนนี้ Notebook ที่เคยบอกให้ฟังว่ามันเดี้ยงไปเนื่องจากเล่นๆอยู่ก็ Dump Memory ทางศูนย์บริการเขาก็แจ้งและสรุปภายหลังว่าตัว Chipset ของ VGACard ของผมมันมีปัญหา(หลังจากที่งมหาปัญหาอยู่นานพอสมควร _ __",,)
  • อีกไม่กีวันก็จะถึง 2 เดือนเต็มๆที่มีปัญหาและส่งเข้าเคลมที่ศูนย์
  • นั่งภูมิใจกับปัญหาที่ไม่รู้จบเหมือนดั่งภาพยนตร์ไตรภาค Harry Potter หรือ Lord of the Rings
  • ใกล้อวสานแล้วล่ะดูท่า
[เลิกบ่นก่อนเ้ข้าเรื่องดีกว่า]


หลายๆคนคงรู้จักกับเครือข่ายสังคมออนไลน์หรือ Social network กันบ้างแ้ล้ว บางคนก็ติดเลย
  • ซึ่งเราต้องยอมรับว่ามันมีบทบาทมากในชีวิตของคนที่ชอบติดต่อสื่อสารกับเพื่อนในโลกออนไลน์ 
  • แม้แต่การรับข่าวสารอัพเดทจากเว็บต่างๆที่เราติดตาม ผมคนนึงแหล่ะที่ต้องใช้ 
  • ที่คนนิยมใช้กันมากในบ้านเราก็มี Facebook, Twitter และ Youtube (Youtube ก็แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันได้)
  • ลองคิดดูสิเนื่องจากมี Social network อยู่มากมายหลายเว็บด้วยกัน 
  • ถ้าใครที่มีหลายๆบัญชีก็อาจจะต้องยุ่งยากล็อกอิน ปิดเปิดเว็บ ซึ่งทำบ่อยๆมันก็น่าเบื่ออยู่พอสมควร
  • อย่างผมเล่น Facebook ,Twitter ก็ต้องเปิดแท็บหน้าต่างทั้ง Facebook,Twitter ลองคิดดูถ้าบางคนเล่นหลายๆิอันถ้ามีคนที่มี Social network หลายๆตัว เช่นมี 5 ตัวก็ต้องมาเปิดล็อกอิน 5 ตัวเลย เซ็งเป็ดไปตามๆๆกัน
ต่อผมมาก็ได้ค้นพบโปรแกรม Social network For Desktop บางคนอาจจะรู้จักมันดีพวก TweetDeck นี่ก็ใช่ ผมก็ลองใช้อยู่พักนึงแต่มีความรู้สึกว่าเครื่องอืดลงพอสมควร(สงสัยมันใช้ Memory เหมือนกันน่ะเนี่ย) ต่อมาก็มาเจอตัวที่ชื่อ Yoono ตอนแรกนึกว่า Yahoo คิดว่ามันของค่าย Yahoo หรือนี่ !! ถอดแว่นขยี้ตาเพ่งดีๆก็รู้ว่ามันไม่ใช่ครับ

:: ขึ้นตอนแรกโหลดโปรแกรม ::

เข้าไปดาวน์โหลดมาใช้ฟรีครับที่ http://www.yoono.com/



ให้กดที่ Desktop App ==> แล้วเลือก Windows น่ะสำหรับใครที่ใช้ Windows ใครใช้ OS ไหนก็เลือก OS นั้นน่ะ

:: ติดตั้ง App ::
 

เมื่อโหลดเสร็จก็ทำการติดตั้งได้ทันทีเลย ไม่ต้องห่งน่ะครับการติดตั้งง่ายมาก Next ๆ แล้วก็อย่าลืมติ๊กให้มันสร้าง
Desktop Shotcut ไว้ด้วยล่ะแล้วก็ Finish

:: เลือก Social network ที่เราต้องการ ::



เมื่อติดตั้งเสร็จก็เข้าโปรแกรมมันเข้ามาจะพบกับหน้าต่างดังรูปด้านบน แถบซ้ายมือจะมี Social network ให้เราเลือกว่าเราต้องการอะไรบ้าง โปรแกรมจะให้เราล็อกอินเข้า Social network ต่างๆที่เราเลือก เพื่อทำการ Connect กับ Social network ของเราเองให้ท่านกดที่ปุ่ม Allow เพื่ออนุญาติให้โปรแกรมนี้เข้าถึง Profile ของเรา เมื่อเราเลือกครบแล้วก็กดปุ่ม Finish ครับ

Tuesday, 12 October 2010

สีเดียวกับมึง!!

[ต่อไปนี้คือบทความสั้น Or หรือบทความบ่น]

พูดถึงจะไปไหนมาไหนนี่ผมว่าลองเปลี่ยนมาใส่เสื้อแบบนี้กันดีกว่า
  • ประเภทที่ว่าใส่เสื้อสีนี้ออกไปก็โดนบอกว่าเอ็งสีนี้หรอ
  • เวลาใส่อีกสีก็โดนถามว่าเอ็งเห็นด้วยกับสีนี้หรอ (_ __")
  • สรุปว่าตูควรใส่สีไหนกันแน่ฟ่ะ!!


ปล. หลังจากนี้คงไม่ต้องถามน่ะว่าตูอยู่อยู่สีไหน  ชัดเจนขนาดนี้ ^^"

Saturday, 9 October 2010

Scan Speeds & Scan Times for AntiVirus 2010 Software

มีความเคลื่อนไหวจากการทดสอบในเรื่อง "ความเร็วในการสแกนและเวลาในการสแกน"ของตัวซอร์ฟแวร์ป้องกันไวรัสมาอัพเดทจากเว็บไซต์ของต่างประเทศชื่อ antivirusware.com

:: โดยเขามีหมายเหตุว่า ::

"Scan speeds shown below are for default settings for each Antivirus program."

เท่าที่อ่านหมายเหตุการทดสอบของเค้ามาก็น่าพอสรุปได้ว่า..
  • ความเร็วในการสแกนดังต่อไปนี้เป็นการทดสอบโดยการตั้งค่าเริ่มต้นของแต่ละโปรแกรมป้องกันไวรัส 
  • เนื่องจากการตั้งค่าเริ่มต้นสำหรับแต่ละโปรแกรมป้องกันไวรัสจะแตกต่างกันมาก
  • เอ่อ..และที่สำคัญ การทดสอบนี้เค้าบอกว่าจะไม่ได้ระบุว่าโปรแกรมป้องกันไวรัสที่เร็วที่สุด เพราะฉนั้น Antivirus บางตัวสแกนเร็วก็ไม่ใช่ว่ามันมีความสามารถดีกว่าตัวที่มันสแกนช้า ^^"
1) Scan Speed: The first graph shows Scan Speeds in MB/second

กราฟแรกจะแสดงความเร็วในการสแกน MB / วินาที

2) Scan Time: in the second graph we calculate how long it would take to scan a hard-drive with 50GB of used space.
กราฟที่สองที่เค้าจะคำนวณระยะเวลาที่จะใช้ในการสแกนฮาร์ดดิสก์ขนาด 50GB ของพื้นที่ใช้งาน
ดูอย่างเห็นได้ชัดเลยว่าเจ้า Avast! Antivirus Pro 5.0 ใช้เวลาในการแสกนได้ 22.2 MB/s นั่นแสดงว่ามันสแกนดาต้าได้เยอะกว่าค่ายอื่นเค้าในขณะเดียวกันมันก็ใช้เวลาน้อยกว่าใครๆเขา Harddisk 50 GB มันใช้เวลา Scan 38.5 นาที Oh God!!!!!


ว่าแต่มันสแกนเร็วแบบนี้มันจะละเอียดหรือป่าวหว่าอันนี้ต้องดาวน์โหลดไปทดสอบกันดู ^^

Antivirus Versions Tested: Norton Antivirus 2010, ESET NOD32 Antivirus 4.2, Avira AntiVir Premium Version 10, Avast! AntiVirus Pro 5.0, Kaspersky AntiVirus 2010, BitDefender AntiVirus 2010, McAfee VirusScan Plus 2010, AVG Anti-Virus 9.0, F-Secure Anti Virus 2010, & Trend Micro AntiVirus 2010 (Version 17.5).

Wednesday, 6 October 2010

ดูเอาเองก็แล้วกันกับ Alex ของ Chelsea

วันนั้นไม่ได้นั่งดูเกมส์ถ่ายทอดสด Big London derby match Chelsea vs Arsenal ที่สนาม Stamford Bridge แต่ก็นั่งลุ้นโดยการฟัง Sport Radio รู้สึกจะคลื่น 96.0 น่ะ

  • รู้สึกดีใจที่ปืนใหญ่สู้กับเชลซีได้ดีทีเดียว
  • แต่จังหวะเข้าทำประตูไม่เทพพอเลยไม่มีสกอร์ 
  • แต่ตอนที่ฟังปืนโดนนำไปแล้วนาที 39. 
  • รูปเกมส์ในครึ่งหลังปืนเริ่มกดดันเชลซีได้ดีขึ้น 
  • แต่ยังเสียวหลังมากๆเพราะเชลซีสวนกลับมาทีแทบหงาย
  • และแล้วความหวังเล็กๆน้อยๆของแฟนบอลปืนโตคนนึงก็พังทลายลงอย่าไม่มีชิ้นดี
  • เมื่อเจอโคตรพ่อโคตรแม่ฟรีคิก 32 หลาของ Alex กองหลังตีนระเบิดของเชลซีเข้าไป



  • และปืนโตก็พ่ายไป 2-0 ตามระเบียบ
  • หลังเกมส์จบผมรีบหาดู Goals & Match Highlights ด่วนเลย
  • ลูกแรกที่ปืนเสียประตูก็หมดปัญญารับ
  • และลูก 2 ที่ ALEX ซัดฟรีคิกเข้าไปนี่ผมเห็นแล้วอุทานเลย Oh God!! แมร่งเทพเกิ๊นนนนนน
  • นี่แม่งคนหรือฟายหว่ะ ยิงแรงชิปหาย
  • ยิงแบบนี้ใครมันจะไปรับได้เนี่ย (ขี้โกงป่าวหว่า 55++)
  • แต่ดูแล้วดูก็ชอบน่ะมันยิงสะใจดี

ผมว่าน่ะถ้าบอลเกิดโดนใครรับรองพักทั้งฤดูกาลแน่ครับพี่น้อง แรงส์ืืืโคตรรรรรรรรรรรรรร _ __"

ก่อน พ.ศ. ประเทศไทยใช้อะไรมาก่อน


คิดว่าหลายๆคนคงน้ำลายหกกับโพสที่ผ่านมาของคุณแอ้มกันพอสมควร ก็ถ้าใครจะไปก็โทรมาชวนผมด้วยน่ะ กร๊ากกกกกกกก เข้าเรื่องเราต่อดีกว่า เอ่อ...เพิ่งรู้น่ะเนี่ยว่าก่อนประเทศไทยเราจะเรียกปี พ.ศ. นั้น ก่อนหน้านั้นจะใช้คำอื่นน่ะ การใช้ปีพุทธศักราช หรือ พ.ศ. อย่างเป็นทางการนั้นเพิ่งเกิดขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 6 นี่เอง...สมัยรัชกาลที่ 1 เป็นต้นมาทางราชการของประเทศสยามนับปีตามรัตนโกสินทร์ศก (ร.ศ.)

  • ย้อนหลังต่อไปอีกในอดีตก่อนที่ระบบการปกครองของกรุงรัตนโกสินทร์จะเป็นปึกแผ่น
  • ในศิลาจารึกและพงศาวดารต่างๆ ของล้านนา สุโขทัย อยุธยา และกรุงรัตนโกสินทร์ตอนต้นๆ นับปีตามแบบจุลศักราช (จ.ศ.) ซึ่งเป็นระบบที่ตั้งขึ้นในประเทศพม่าเริ่มหลัง พ.ศ. 1181
  • ก่อนหน้านั้นการนับปีคนไทยในแถบนี้นับปีในระบบมหาศักราช (ม.ศ.) ซึ่งกษัตริย์ผู้ครองแคว้นคันธาระของอินเดียตั้งขึ้น เริ่มภายหลัง พ.ศ. 621 ปี

ต่อมาในยุคของจอมพล ป.พิบูลสงคราม เป็นนายกรัฐมนตรี จึงได้มีการเปลี่ยนเป็นวันที่ 1 มกราคม แทนใน พ.ศ. 2483 และก็ได้รับความนิยมจากคนไทยอย่างดีมาถึงทุกวันนี้ อย่างนี้นี่เอง.. หลงคิดมาตั้งนานว่าประเทศไทยเราใช้ พ.ศ. มาตลอด ตาสว่างเห็นทางนำนับแต่บัดนี้ 555

แต่ที่น่าภูมิใจคือ เท่าที่ปรากฏหลักฐาน ประเทศไทยเป็นประเทศเดียวในโลกที่ใช้วิธีการนับ พ.ศ.อย่างเป็นทางการทั้งประเทศ ^^

ปล.เกร็ดความรู้รอบตัวที่จำเป็นต้องรู้จริงๆ

Tuesday, 5 October 2010

พาไปกิน @Totoya ramen



สวัสดีค่ะ เฮลโล่ อันยอง (ระบบ 3 ภาษา) สวัสดีมิตรรักแฟนบล็อกของคุณน้องดีนทุกคนจ้า อันนี้ก่อนอื่นก็ขอแนะนำตัว ชื่อพี่แอ้ม เป็นรุ่นพี่คุณน้องดีนทั้งที่เรียนและที่ทำงาน 555++ (จะหัวเราะทำไม) หลายคนอาจจะงงว่า “แล้วพี่มาโผล่อยู่ในบล๊อคนี้ได้อย่างไร” ก็จะขอเล่าที่มาที่ไปจั๊กหน่อยอ่ะน่ะ ก็แบบว่ากระแดะอยากเขียนบล็อกอ่ะ แต่ไม่รู้จะเริ่มต้นยังไง พูดคุยสื่อสารทั่วไปก็ไม่ค่อยจะรู้เรื่องอยู่แล้ว ยังจะมาเล่าเรื่องผ่านตัวหนังสือ ก็กลัวอยู่ว่าคนอ่านจะอ่านรู้เรื่องมั้ย เอาเป็นว่าขออาศัยพื้นที่เล็กๆตรงนี้ ซุกหัวแบ่งปันเรื่องราวที่เกี่ยวกับเรื่องกินเรื่องเที่ยวหรือเรื่องอื่นๆตามโอกาสจะเอื้ออำนวย ให้ทุกคนได้อ่านกันอย่างเพลิดเพลิน(มั้ย ?) ละกันน่ะจ๊ะ โฮะๆๆๆ
ก่อนจะนำเข้าสู่เนื้อเรื่อง ก็ต้องขอออกตัวล้อฟรีก่อนว่า ความเห็นทุกอย่างเป็นความเห็นส่วนตัวล้วนๆนะจ๊ะ ใครไปชิมแล้วไม่ถูกใจก็อย่าว่ากันเลยนะตัว สไตล์ใครสไตล์มัน อย่ามายุ่งกะชั้น 5555 (จะวีนเหวี่ยงทำไม)
ฮ้า.....เอาล่ะสำหรับเรื่องแรกที่จะเอามานำเสนอในวันนี้ คงหนีไม่พ้นเรื่องกิน อิอิ ร้านที่เราจะพาผู้อ่านไปชิมวันนี้นั่นก็คือ…ร้านอาหารญี่ปุ่น โตโตย่าราเมน แห่งนี้นี่เองงงงงงง(ให้เสียงโดยรายการทีวีแชมเปี้ยน)
Profile......
ชื่อร้าน:โตโตย่า ราเมน(Totoya ramen คล้ายๆ Toyota เรยหว่ะ อย่าอ่านผิดกันน่ะ)
พิกัด:เชิงสะพานพระนั่งเกล้า ฝั่งหมู่บ้านนนท์ณิชา
ร้านนี้เพิ่งเปิดได้ไม่นานนะ รู้จักเพราะว่านั่งรถบริษัทผ่านทุกวัน สีชมพูเด่นเป็นสง่ามาก น่ารักๆ คิคิคิ
เอาล่ะจะรอช้าอยู่ใย ไปดูบรรยากาศภายในร้านกันดีกว่า



เปิดเมนูดูซิ กินไรดี...

แล้วก็มาถึงเมนูแรกของเราวันนี้
ยำสาหร่าย สุดฮอทไปกินที่ไหนต้องสั่ง ร้านนี้ก็ไม่พลาดแน่นอน

น่ากินม้ายย... รสชาติสู้ร้านบนห้างได้สบายกันเรยทีเดียว แอบถ่ายพร้อมกับชาเขียวแท้ ไม่หวานน่ะ ใครชอบทานหวานก็ต้องทำใจ แต่อย่ากินหวานกันมากเลย ไม่ดีต่อสุขภาพ(แอบบังคับ) อ่อ ลืมๆ ชาเขียวรีฟิลน่ะจ๊ะ ถูกใจๆ ^ ^
จานต่อปาย บะหมี่เย็นทรงเครื่อง ของโปรดเค้าเองงงง รสชาติ ไม่ผิดหวังเรย

เอ่อ...จิงๆแล้วสภาพมันไม่ใช่อย่างนี้อ่ะน่ะ อย่างที่บอก ของโปรดหง่ะ วางปุ๊ปลุยปั๊ป ดีว่าผู้ติดตามเบรกทัน เลยเอามาโปะๆใหม่ แหะๆ แถไปเรื่อย...
มาถึงเมนูต่อไป ข้าวหน้าหมูทอดทงคัตสึ หมูชิ้นเท่าช้าง ผู้ติดตามเกือบจัดการไม่หมด

Monday, 4 October 2010

OS Platform Statistics Until September


หลังจากเดือนกันยายนที่ผ่านไปผมได้แวะไปเก็บข้อมูลสถิติ Trend(แนวโน้ม) การใช้ระบบปฏิบัติการ (OS) เพราะอยากจะรู้ว่าตอนนี้ระบบปฏิบัติการไหนเป็นอย่างไรกันบ้าง จะว่าไปก็รู้ๆกันอยู่ว่าระบบปฏิบัติการตัวไหนคนใช้มากที่สุด ก็คือพี่ Microsoft แต่ที่ฉีกออกไปหน่อยคือ OS Windows 7 จะบอกว่ากำลังเริ่มมีการใช้งาน 7 กันมากขึ้น ตัวผมเองก็ใช้เช่นกัน เราไปดูกราฟความถี่ของอัตราการใช้ OS ตั้งแต่เดือน สิงหา-กันยา 2553 โดยผมได้ Plot Graph ออกมาจากข้อมูลดิบ(ชุดข้อมูลดิบนี้ได้จาก w3schools.com)ได้ดังนี้





ผลเปรียบเทียบ 2 เดือน สีน้ำเงินคือเดือน ส.ค สีแดงคือเดือน ก.ย


ตรงนี้จะเห็นได้ชัดเจนว่าการใช้ Windows XP นั้นเริ่มลดลงและคนก็หันมันใช้ Windows 7 กันมากขึ้น ใครอยากลองลงใช้ก็ดูสเปคเครื่องตัวเองก่อนเด้อ
Spec ขั้นต่ำสำหรับ OS Windows 7

  • CPU ที่มีความเร็ว 1 GHz หรือมากกว่า ซึ่งเป็นแบบ 32 หรือ 64 bit ก็ได้
  • หน่วยความจำ (RAM) 1 GB สำหรับ 32 bit และ 2 GB สำหรับระบบ 64 bit
  • พื้นที่บน hard disk 16 GB สำหรับ 32 bit และ 20 GB สำหรับระบบ 64 bit
  • ระบบแสดงผลที่สนับสนุน DirectX 9 และระบบ WDDM 1.0 หรือที่มากว่า

Sunday, 3 October 2010

Event : เปิดตัว iPhone 4

งานนี้ฮือฮาจริงๆ ต่อให้ปิดหูปิดตาก็เอาไม่อยู่จริงๆ ผู้ให้บริการ 3 ค่ายดังเขาก็มีการจัดงานเปิดตัวยิ่งใหญ่ไม่น้อยหน้ากันเลย :)

Dtac จัดที่ Office ตัวเองจามจุรีสแควร์

AIS จัดที่เซ็นทรัลลาดพร้าว

True เค้าจัดที่ Royal Paragon Hall

ปล. Very Cool!!

Friday, 1 October 2010

ภาษาศาสตร์

อยากศึกษาการสนทนาภาษาอังกฤษให้มากกว่านี้แต่ก็ยังติดที่คำว่า "ไม่กล้า" พูดออกไป ถ้าคิดแล้วทำได้เหมือนหนังสือ "Just Speak Out ก็แค่พูดออกไป" โดนไม่ต้องกังวลว่าจะถูกหรือผิดพูดไปก่อนได้ก็คงดีไม่น้อย

ผมว่าฝรั่งที่อยากพูดไทยได้นี่คงลำบากไม่น้อยกับภาษาไทยเรา คำว่า Eat คือเข้าใจตรงกันคือกิน แต่ของพี่ไทยมีทั้ง กิน ยัด แดก รับประทาน และก็เขมือบ 555 เต็มไปหมด

เอ่อ...และคำว่า "เขา" นอกจากเป็นบุรุษที่ 3 แล้ว ในภาษาพูดยังเป็นบุรุษที่ 1 ด้วย
มีหลายคนที่แทนตัวเอง (บุรุษที่ 1) ว่า "เขา" และเรียกคู่สนทนา (บุรุษที่ 2) ว่า "ตัว" หรือ "ตัวเอง"

คนต่างชาติที่เริ่มเรียนภาษาไทย คงจะงงไม่น้อย ^^