หลายคนอาจจะเคยผ่านตามาแล้วเกี่ยวกับ Open Source Software ไม่ต้องที่ไหนหรอกครับบล็อกผมก็มีให้เห็นโจ่งแจ้งซะขนาดนั้น! เอาเป็นว่าเรามาเข้าวิน เอ้ยย!!! เข้าเรื่องกันเลย ผมจะเขียนถึง Software อยู่ตัวนึงที่เป็น Open Source เหมือนกัีนและ Function ของมันเชื่อว่าหลายๆคนไม่ว่าจะทำงานแล้วหรือเรียนอยู่จะต้องรู้จักและเคยใช้ Software จำพวก Office โปรแกรม Ofiice พวกนี้ที่ถูกหลอมให้เรานั้นใช้และชินกับมันมาตลอดคงจะหนีไม่้พ้นของค่าย Microsoft โดยมีชื่อที่เราถึงบางอ้อก็คือ Microsoft Ofiice (Word,Excel,Power Point) สิ่งเหล่านี้หลายๆคนรวมถึงผมด้วยโดนปลูกฝังมาตั้งแต่อนุบาล (เวอร์ไปป่าวว่ะ?) ว่าเวลาจะพิมพ์งาน สร้างเอกสาร ทำการนำเสนอให้ใช้โปรแกรมนี้น่ะ ชื่อนี้น่ะ แล้วอย่างนี้ไม่ให้มันฝังอยู่ในปอดเราได้ไง!!
การเปลี่ยนมาใช้ OpenOffice.org อาจจะมองว่าเป็นเรื่องง่ายๆ แต่ที่ว่าง่ายนี้ทำให้หลายองค์กรเสียเวลา เสียกำลังคน เสียความรู้สึกมานักต่อนัก เพราะการคิดว่าการเปลี่ยนมาใช้ OpenOffice.org ไม่ได้ยาก โปรแกรมคล้ายๆ เดิม ความสามารถใกล้เคียง แค่อบรมก็สามารถใช้ได้ แต่ปัญหาที่ซ่อนอยู่นั้นมีมากเสียจนทำให้บางองค์กรต้องกลับมาใช้ Microsoft Office ดังเดิม
การนำ OpenOffice.org มาใช้ในองค์กร หลายคนคิดว่าอบรมก็เพียงพอ แต่แท้ที่จริงแล้วการอบรมเป็นปัจจัยที่จะก่อให้เกิดความสำเร็จเพียงเล็กน้อยเท่านั้น มีหลายองค์กรจัดอบรมพนักงานทั้งองค์กร แต่ปัญหาคือผู้ใช้ก็ไม่ยอมใช้งาน ทำให้ต้องวางแผนกันใหม่ซื่งการจะทำให้ผู้ใช้ยอมใช้งานกลับยากขึ้นกว่าเดิม
การประเมินก่อนว่าผู้ใช้คนใดมีความจำเป็นต้องใช้ Microsoft Office หรือสามารถใช้ OpenOffice.org ทดแทนได้เป็นเรื่องจำเป็นมาก เพราะหากเราไม่สามารถระบุได้ว่าใครที่สามารถใช้ OpenOffice.org ได้ แต่ทำการถอน Microsoft Office ของผู้ใช้ที่จำเป็นต้องใช้ นี่คือปัญหาใหญ่มากที่กำลังจะตามมา
ผู้ใช้ที่ถูกถอนทั้งๆ ที่จำเป็นต้องใช้ จะประสบปัญหาอย่างมากในการใช้งาน ปัญหาไม่ได้จบแค่คนเดียว ข่าวลือจะถูกแพร่กระจายไปยังผู้ใช้ทั่วองค์กรว่า OpenOffice.org ใช้ไม่ได้ ทั้งๆ ที่คนกว่า 80% สามารถใช้งาน OpenOffice.org โดยไม่มีปัญหา
แต่การประเมินการใช้งานของผู้ใช้ หากเป็นไอทีในองค์กรเป็นผู้ประเมินเอง จะเสียเวลาในการประเมินอย่างมาก เพราะการที่ไอทีจะทำหน้าที่ในการวิเคราะห์ตัวซอฟต์แวร์ก่อนว่าทำงานในองค์กรได้หรือไม่ วิเคราะห์ผลกระทบกับพนักงาน อีกทั้งยังต้องวิเคราะห์ว่าพนักงานคนใดที่จำเป็นต้องใช้ Microsoft Office หรือไม่ ทำให้ทรัพยากรบุคคลที่จำกัด ต้องมาเสียกับงานที่ไม่ได้เป็นงานหลักขององค์กร
การจ้างที่ปรึกษาเป็นทางออกที่ทำให้ได้ผลลัพธ์ที่เร็วขึ้น ไม่เพียงแค่นั้น หากประเมินดูจริงๆ แล้วค่าใช้จ่ายที่ต้องเสียไปในการที่องค์กรจะประเมินการใช้งานเอง ทั้งเวลา พนักงาน หรือทุนที่ต้องเสียไป การจ้างที่ปรึกษาอาจจะมีค่าใช้จ่ายที่ต่ำกว่า และสะดวกสบายกว่ามาก
แต่สำหรับองค์กรขนาดเล็กที่มีพนักงานไม่เกิน 50 คน การประเมินด้วยตนเองนั้น อาจจะทำได้ไม่ยาก เพราะไอทีจะมีความคุ้นเคยกับคนทั้งองค์กรเป็นอย่างดี ทราบถึงปัญหา การใช้งาน และความสามารถของผู้ใช้ อาจจะมีการจัดอบรมสัก 1-2 รอบคงน่าจะเพียงพอ แต่ควรระวังปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นเป็นอย่างดีด้วย
ปัจจัยหนึ่งที่ทำให้การเปลี่ยนมาใช้ OpenOffice.org ทำได้ยากเพราะ พนักงานที่ใช้คอมพิวเตอร์ส่วนใหญ่ใช้งานโปรแกรม Office ตลอดเวลา แทบจะตลอดทั้งวันก็เป็นได้ นั่นหมายถึงเราจะเปลี่ยนซอฟต์แวร์ที่ผูกพันกับเขามาตลอดทั้งชีวิตการทำงาน
มีคนเคยบอกว่าการเปลี่ยนระบบ ERP ยังไม่ยากเท่าการเปลี่ยนมาใช้ OpenOffice.org เพราะระบบ ERP กระทบกับงานแค่บางส่วน แต่ OpenOffice.org กระทบกับพนักงานออฟฟิศทุกคนในองค์กร จึงต้องอาศัยความเชียวชาญ และคำนึงถึงการจัดการเรื่องการเปลี่ยนแปลงอย่างมากในการดำเนินงาน
:: สรุปก็คือ ::
ผมว่ามันเป็นเรื่องยากมากในการจะเปลี่ยนให้คนเราทำอะัไรสักอย่างหลังจากเคยทำอะไรบางอย่างนั้นมานานแล้วจนเกิดความรู้สึกไม่อยากเปลี่ยนไม่อยากเริ่มต้นใหม่ ผมว่านี้เราเลยเปิดใจหันมายอมรับแล้วพยายามมองถึงข้อดีมันมากๆ ไม่ว่าจะัเป็นของฟรีเอย องค์กรไม่้ต้องจ่ายเงินแพงๆซื้อของลิขสิทธิ์มาใช้ จะได้เอาเงินมาเป็นโบนัสพนักงาน 555 และผมว่าน่ะ OpenOffice.org ถึงแม้จะไม่แตกต่างจาก Microsoft Office มากนัก ความสามารถก็ใกล้เคียง แต่ผลกระทบทางจิตใจต่อพนักงานเป็นปัญหาใหญ่กว่าความสามารถของ OpenOffice.org เสียอีกสำหรับผู้ที่สนใจใช้งานบน windows สามารถ download ได้ที่
ส่วนผู้ใช้ Linux ท่านสามารถติดตั้งได้จากแผ่นติดตั้งของ Linux แต่ละค่ายได้ทันที